เมนู

8. ตายนสูตร



[238] ครั้งนั้น ตายนเทวบุตรผู้เป็นเจ้าลัทธิมาเก่าก่อน เมื่อสิ้น
ราตรีปฐมยาม มีวรรณะอันงามยิ่งนัก ทำพระวิหารเชตวันให้สว่างทั่วแล้ว เข้า
ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้วก็ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
[239] ตายนเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้กล่าว
คาถาเหล่านี้ ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ท่านจงพยายามตักกระแสตัณหา จง
บรรเทากามเสียเถิดพราหมณ์.
มุนีไม่ละกาม ย่อมเข้าไม่ถึงความที่
จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งได้ ถ้าบุคคลจะพึง
ทำความเพียร พึงทำความเพียรนั้นจริง ๆ
พึงบากบั่นทำความเพียรนั้นให้มั่น เพราะ
ว่าการบรรพชาที่ปฏิบัติย่อหย่อน ยิ่งโปรย
โทษดุจธุลี.
ความชั่วไม่ทำเสียเลยประเสริฐกว่า
ความชั่วย่อมเผาผลาญในภายหลัง.
ก็กรรมใดทำแล้ว ไม่เดือดร้อนใน
ภายหลัง กรรมนั้นเป็นความดี ทำแล้ว
ประเสริฐกว่า หญ้าคาอันบุคคลจับไม่ดี
ย่อมบาดมือนั่นเอง ฉันใด.

ความเป็นสมณะ. อันบุคคลปฏิบัติ
ไม่ดี ย่อมฉุดเข้าไปในนรก ฉันนั้น.
กรรมอันย่อหย่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง
วัตรอันใด ที่เศร้าหมอง และพรหมจรรย์ที่
น่ารังเกียจ ทั้งสามอย่างนั้น ไม่มีผลมาก.

ตายนเทวบุตร ครั้นได้กล่าวดังนี้แล้ว ก็ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทำประทักษิณแล้วอันตรธานไปในที่นั้นเอง.
[240] ครั้งนั้น โดยล่วงราตรีนั้นไป พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียก
ภิกษุทั้งหลายมาว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เทวบุตรนามว่าตายนะ
ผู้เป็นเจ้าลัทธิแต่เก่าก่อนเมื่อสิ้นราตรีปฐมยาม มีวรรณะงามยิ่งนัก ทำพระวิหาร
เชตวันให้สว่าง เข้ามาหาเรา อภิวาทเราแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้าง-
หนึ่ง ตายนเทวบุตร กล่าวคาถาเหล่านี้ในสำนักของเราว่า
ท่านจงพยายามตัดกระแสตัณหา จง
บรรเทากามเสียเถิดพราหมณ์.
มุนีไม่ละกาม ย่อมเข้าไม่ถึงความที่
จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งได้ ถ้าบุคคลจะพึง
ทำความเพียร พึงทำความเพียรนั้นจริง ๆ
พึงบากบั่นทำความเพียรนั้นให้มั่น เพราะ
ว่าการบรรพชาที่ปฏิบัติย่อหย่อน ยิ่งโปรย
โทษดุจธุลี.
ความชั่วไม่ทำเสียเลยประเสริฐกว่า
ความชั่วย่อมเผาผลาญในภายหลัง.

ก็กรรมใดทำแล้วไม่เดือดร้อนใน
ภายหลัง กรรมนั้นเป็นความดี ทำแล้ว
ประเสริฐกว่า หญ้าคาอันบุคคลจับไม่ดี
ย่อมบาดมือนั่นเอง ฉันใด.
ความเป็นสมณะ อันบุคคลปฏิบัติ
ไม่ดี ย่อมฉุดเข้าไปในนรก ฉันนั้น.
กรรมอันย่อหย่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง
วัตรอันใดที่เศร้าหมอง และพรหมจรรย์ที่
น่ารังเกียจ ทั้งสามอย่างนั้น ไม่มีผลมาก.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตายนเทวบุตรครั้นได้กล่าวดังนี้แล้ว ก็อภิวาท
เราทำประทักษิณแล้วอันตรธานไปในที่นั้นเอง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้ง
หลาย จงศึกษา จงเล่าเรียน จงทรงจำตายนคาถาไว้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ตายนคาถาประกอบด้วยประโยชน์ เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์.

อรรถกถาตายนสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในตายนสูตรที่ 8 ต่อไป :-
บทว่า ปุราณติตฺถกโร แปลว่า ผู้เป็นเจ้าลัทธิมาแต่ก่อน. ในคำว่า
ปุราณติตฺถกโร นั้น ทิฎฐิ 62 ชื่อว่า ลัทธิ [ติตถ]. ศาสดาผู้ก่อกำเนิด
ลัทธิเหล่านั้น ชื่อว่า เจ้าลัทธิ คือใคร. คือ นันทะ มัจฉะ กิสะ สังกิจจะ
และที่ชื่อว่า เดียรถีย์ทั้งหลาย มีปุรณะเป็นต้น. ถามว่า ก็ตายนเทพบุตรนี้
ก่อทิฎฐิขึ้นแล้วบังเกิดในสวรรค์ได้อย่างไร. ตอบว่า เพราะเป็นกัมมวาที.
ได้ยินว่า ตายนเทพบุตรนี้ ได้ให้อาหารในวันอุโบสถเป็นต้น เริ่มตั้งอาหาร